ตัวแทนจำหน่าย น่าทำธุรกิจนี้ไหม
สามารถเป็นธุรกิจที่ดีและให้ผลตอบแทนสูงได้ แต่ก็มีข้อควรพิจารณาหลายด้านก่อนตัดสินใจครับ เพราะถ้าทำแล้วประสบความสำเร็จ จะได้รายได้มากกว่าการทำงานแบบทั่วไป และเหนื่อยน้อยกว่าอีกด้วย
สำหรับคำถามว่า น่าทำไหม ตอบได้ว่า : ต้องดูเหตุผลด้านล่างนี้ก่อนครับ
โดยเฉพาะถ้าเลือกเป็นตัวแทนแบบไม่ต้องสต๊อกสินค้า (Dropship) ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากสินค้าค้างสต๊อก
ตัวแทนจำหน่ายมักได้รับการสนับสนุนด้านการตลาด, สื่อโฆษณา, และการฝึกอบรมจากบริษัทเจ้าของสินค้า
คุณสามารถเริ่มต้นธุรกิจได้ทันทีและสร้างรายได้จากการขายสินค้าให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
การเป็นตัวแทนจำหน่ายช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากรที่ต้องใช้ในการพัฒนาสินค้า
เรียกได้ว่า ไม่ต้องผลิตเองแบบทีละเยอะๆ ใช้ทุนน้อยในการขายสินค้า เพราะถ้ามองในมุมเจ้าของแบรนด์แล้ว จะต้องใช้ทุนในการผลิตเยอะแน่นอน แต่เดี๋ยวนี้อาจจะมีบางโรงงานที่รับผลิตจำนวนน้อยชิ้น หรือ 50,000 บาทก็เป็นเจ้าของแบรนด์ได้แล้ว
ซึ่งอาจจะน้อยลงมามาก แต่คนที่มีทุนน้อยเพียงหลักพัน การเป็นตัวแทนจำหน่ายก็เป็นทางเลือกที่ดีกว่า และสามารถกระจ่ายความเสี่ยงได้เยอะกว่าอีกด้วย
เรามาดูกันดีกว่าว่า ตัวแทนจำหน่ายมีแบบไหนกันบ้าง
- อย่างแรกเลยคือ : ตัวแทนจำหน่ายแบบไม่มีสต๊อก
- รายได้เฉลี่ย: อยู่ที่ประมาณ 10-30% ของราคาขายต่อหน่วย
- รายได้รวมต่อเดือนจะขึ้นอยู่กับจำนวนสินค้าที่ขายได้ ตัวแทนที่ขายสินค้าได้วันละ 10-20 รายการ อาจมีรายได้ประมาณ 10,000-30,000 บาทต่อเดือน แต่หากสามารถขายจำนวนมากหรือสินค้าที่ราคาสูง เช่น อุปกรณ์ไอที รายได้อาจสูงขึ้นเป็น 50,000 บาทหรือมากกว่านั้น.
ในส่วนถัดมาคือ
- ตัวแทนจำหน่ายสต๊อกสินค้า
- รายได้เฉลี่ย: อยู่ที่ประมาณ 20-50% ของราคาขาย
- ตัวแทนที่ลงทุนสต๊อกสินค้ามักได้รับส่วนลดหรือกำไรต่อหน่วยสูงกว่า เช่น หากสั่งสินค้าในปริมาณมากอาจได้รับราคาส่งที่ช่วยเพิ่มกำไรสุทธิ. รายได้รวมต่อเดือนอยู่ในช่วง 20,000-100,000 บาท หรือมากกว่านั้น หากขายสินค้าในหมวดที่มีความต้องการสูง
เช่น อาหารเสริม, สินค้าแฟชั่น, หรือผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ. ที่เป็นที่ต้องการของตลาด
และต่อไป
- ตัวแทนจำหน่ายสินค้าแบรนด์ใหญ่
- รายได้เฉลี่ย: อาจอยู่ในช่วง 10-15% ของราคาขายปลีก แต่ปริมาณการขายที่สูงทำให้รายได้รวมต่อเดือนอยู่ในช่วง 50,000-200,000 บาทขึ้นไป.
- ตัวแทนที่ทำงานในระบบนี้ต้องมีการจัดการที่ดี เช่น การบริหารสต๊อกสินค้า และอาจต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก เพราะเป็นตัวแทนของแบรนด์ใหญ่ อาจจะต้องจัดจำหน่ายในระดับภูมิภาค หรือระดับประเทศเลย
สุดท้าย
- ตัวแทนจำหน่ายเฉพาะทาง
- รายได้เฉลี่ย: มักอยู่ในช่วง 5-10% ของราคาขาย เพราะสินค้ามักมีราคาสูง เช่น ขายเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ไอที หรือที่ดิน เป็นต้น รายได้ต่อหน่วยอาจมากถึงหลักหมื่นถึงแสนบาท.
- ตัวแทนในกลุ่มนี้อาจขายสินค้าจำนวนน้อยต่อเดือน แต่รายได้รวมยังสูงเพราะราคาต่อหน่วยสูง ถ้ามองจากที่ดินไร่ละล้าน ได้ 3% ก็ 30,000 เข้าไปแล้ว
แต่ใดๆแล้วทุกอย่างมี 2 ด้านเสมอครับ เพราะว่าก็มีตัวแทนจำหน่ายที่ทั้งประสบความสำเร็จ และไม่ประสบความสำเร็จ แล้วมีอะไรที่ต้องระวังบ้าง ไปดูกัน
อะไรที่ต้องระวังบ้างเกี่ยวกับการเป็นตัวแทนจำหน่าย
- ความเสี่ยง : ต้นทุนจม (Fixed Costs): หากต้องสต๊อกสินค้า การลงทุนในสต๊อกอาจเป็นต้นทุนที่ไม่สามารถคืนกลับได้หากขายสินค้าไม่ได้.
- การลดราคาสินค้า: บางครั้งจำเป็นต้องลดราคาขายเพื่อแข่งขันในตลาด ส่งผลให้กำไรลดลง
- นโยบายของบริษัท: บริษัทเจ้าของสินค้าอาจเปลี่ยนนโยบาย เช่น ปรับลดส่วนแบ่งกำไร, เพิ่มเป้าหมายยอดขาย, หรือแต่งตั้งตัวแทนใหม่ในพื้นที่เดียวกัน ทำให้การแข่งขันยากขึ้น.
- ความล่าช้าในการจัดส่ง: หากบริษัทเจ้าของแบรนด์ไม่สามารถจัดส่งสินค้าได้ทันเวลา อาจกระทบต่อความน่าเชื่อถือของตัวแทน.
- ตัวแทนในพื้นที่เดียวกัน: การมีตัวแทนจำหน่ายรายอื่นในพื้นที่เดียวกันอาจทำให้ต้องแข่งขันด้วยราคาและบริการ.
- การเปลี่ยนแปลงความต้องการ: สินค้าที่ได้รับความนิยมในช่วงหนึ่งอาจตกเทรนด์ ทำให้ขายได้ยาก.
- การจัดการลูกค้าคืนสินค้า: หากลูกค้าไม่พอใจสินค้า ตัวแทนอาจต้องรับผิดชอบการคืนเงินหรือเปลี่ยนสินค้า.
- ทักษะการตลาด: หากขาดความชำนาญในการทำการตลาดออนไลน์หรือการบริหารช่องทางการขาย อาจทำให้ยอดขายไม่ถึงเป้าหมาย.
ต้องบอกว่าแต่ละข้อนั้นเป็นอะไรที่ไม่สามารถควบคุมได้เลย ซึ่งเรียกง่ายๆว่า “ถ้าขายไม่ได้ทุกอย่างก็จบ” ไม่ว่าการเป็นตัวแทนจำหน่ายจะดีมากขนาดไหน แต่ถ้าขายของไม่ได้ ก็คงไปไม่รอดนั้นเอง แล้วต้องทำยังไงบ้างถึงจะลดความเสี่ยงตรงนี้ได้
สิ่งที่ต้องมีในการเป็นตัวแทนจำหน่าย
อันดับแรกเลยคือ : ทักษะการขาย เพราะจะช่วยให้ปิดการขายได้ดีขึ้น เพราะถ้าคนสนใจแต่เราไม่สามารถปิดได้ สุดท้ายลูกค้าที่ทักมาก็ไปซื้อกับเจ้าอื่นอยู่ดี ทักษะการขายจึงเป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อกับเรานั่นเอง
อันดับต่อไปคือ : ศึกษาคู่มือการตลาดไม่ว่าจะเป็นกฎการขายของบนแพลตฟอร์มต่างๆ หรือวิธีเปิดการมองเห็น เป็นต้น
สำหรับ 2 ข้อนี้จะช่วยให้ลดความเสี่ยงของการขายของไม่ออกได้เป็นอย่างดี
แต่สำหรับใครที่อ่านแล้วไม่ชอบ ถึงการเป็นตัวแทนจำหน่ายจะมีคนที่ประสบความสำเร็จมากมาย แต่ก็มีอีกหลายอย่างที่สามารถหาเงินได้ เพราะฉะนั้นทำในสิ่งที่ตัวเองเชี่ยวชาญ และชอบมันดีกว่า